โรคเกาต์ เกิดจากภาวะกรดยูริกในเลือดสูง ติดต่อกันเป็นเวลานาน จนเกิดเป็นผลึกยูเรต (monosodium urate –MSU)สะสมอยู่ในข้อ หากไม่ได้รับการรักษาจนเกิดอาการเรื้องรัง อาจพบก้อนตะปุ่มตะปํ่าตามตำแหน่งต่างๆ เรียกว่า โทฟัส (tophus)
กรดยูริกคืออะไร
กรดยูริกเปรียบเสมือนของเสียในร่างกายที่เหลือจากการกำจัดเซลล์ที่หมดอายุลง
โดย ร่างกายของแต่ละคนจะมีการสร้างกรดยูริกอยู่ประมาณร้อยละ 80 ส่วนอีกร้อยละ 20 มักได้รับจากอาหารที่รับประทานเข้าไป ปกติร่างกายจะขับกรดยูริกออกทางไตผ่านทางปัสสาวะ เมื่อร่างกายสร้างกรดยูริกมากเกินไป หรือขับออกทางไตได้น้อยเกินไป ระดับกรดยูริกในเลือดจะสูงขึ้น จนเกิดการตกผลึกของกรดยูริกภายในข้อต่อได้
มาตรฐานค่ากรดยูริกในเลือดของคนปกติ กำหนดไว้ให้ไม่เกิน 7 มิลลิกรัม / เดซิลิตรในเพศชายและหญิงวัยหลังหมดประจำเดือน ส่วนหญิงในวัยที่ยังมีประจำเดือนควรมีระดับกรดยูริกไม่เกิน 6มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ค่าที่สูงเกินกว่าระดับดังกล่าวถือว่ามีภาวะกรดยูริกสูง

กรดยูริกเกิดจากอะไร
กรดยูริกเป็นผลพลอยได้จากการสลาย พิวรีน (Purine) ซึ่งเป็นสารประกอบที่พบในอาหารหลายชนิดและในร่างกาย
พิวรีนคืออะไร
Purine Baseคือ สารประกอบอินทรีย์ที่โครงสร้างโมเลกุลเป็นเฮเทอโรไซคลิกเบส (heterocyclic base) มไนโตรเจนและมีวงแหวน 2 วงติดกันพิวรีนเป็นองค์ประกอบในโมเลกุลของ นิวคลีโอไซด์ นิวคลีโอไทด์ และกรดนิวคลีอิก มีการจับคู่ กับไพริมิดีนในโมเลกุลของดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอ ตัวอย่างเช่น แอดีนีน และกัวนีน
พิวรีน เป็นส่วนหนึ่งของ DNA และ RNA ซึ่งมีอยู่ในทุกๆ เซลล์ เมื่อเซลล์นั้นตายลง ร่างกายจะมีการกำจัดสารพิวรีน โดยการแปรสภาพให้เป็นกรดยูริค ก่อนจะถูกขับออกจากร่างกายในรูปของยูเรียในปัสสาวะ
ร่างกายของแต่ละคนจะมีการสร้างกรดยูริกอยู่ประมาณร้อยละ 80 ส่วนอีกร้อยละ 20 มักได้รับจากอาหารที่รับประทานเข้าไป ปกติร่างกายจะขับกรดยูริกออกทางไตผ่านทางปัสสาวะ เมื่อร่างกายสร้างกรดยูริกมากเกินไป หรือขับออกทางไตได้น้อยเกินไป ระดับกรดยูริกในเลือดจะสูงขึ้น จนเกิดการตกผลึกของกรดยูริกภายในข้อต่อได้

ปัจจัยที่กระตุ้นให้ระดับกรดยูริกในเลือดสูงจนตกตะกอนเป็นผลึก
-การรับประทานอาหารที่มีกรดยูริกสูง เช่น เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยีสต์และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของยีสต์ และเครื่องดื่มที่มีนํ้าตาลฟรุกโตส
-อาการเจ็บป่วยที่กระตุ้นให้ร่างกายสร้างกรดยูริกขึ้นมามากกว่าปกติ ขณะเดียวกันก็ลดความสามารถในการกำจัดกรดยูริกออกจากร่างกาย เช่นโรคอ้วนโรคเบาหวานโรคความดันโลหิตสูงและโรคไต
การรักษาผู้ป่วยที่มีอาการ นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสามารถจำแนกยารักษาได้เป็น 2 ประเภท คือ
1.ยาช่วยลดการอักเสบและความรู้สึกไม่สบายตัวที่มาพร้อมกับโรคเกาต์ เช่น ยาโคลชิซิน (Colchicine) และยาต้านการอักเสบ (NSAIDs)
2.ยาควบคุมระดับกรดยูริกประกอบด้วย ยาลดการสร้างกรดยูริกที่สำคัญได้แก่ ยาอัลโลพิวรินอล (Allopurinol), ยาเฟบบูโซสแตท (Febuxostat)และยาเพิ่มการขับกรดยูริกทางปัสสาวะ ได้แก่ยาโปรเบเนซิด (Probenecid), ยาเบนซ์โบรมาโรน (Benzbromarone), ยาซัลฟินไพราโซน (Sulfinpyrazone)